• English
  • A A A

    โครงสร้างสถาบัน

    เกี่ยวกับสถาบัน

    โครงสร้างสถาบัน

    < ย้อนกลับ

    พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการ 3 คณะ ประกอบด้วย

    1. สภาสถาบันพระปกเกล้า
    2. คณะกรรมการบริหารสถาบันพระปกเกล้า
    3. คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบันพระปกเกล้า

    นอกจากคณะกรรมการ 3 คณะดังกล่าวแล้ว สภาสถาบันพระปกเกล้ายังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสำคัญอีก 4 คณะ ได้แก่

    1. คณะกรรมการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
    2. คณะกรรมการบริหารกองทุน การเงิน การงบประมาณและทรัพย์สิน
    3. คณะกรรมการกลั่นกรองการบริหารงานบุคคล
    4. คณะกรรมการวิชาการสถาบันพระปกเกล้า

    ส่วนงานภายในสถาบันพระปกเกล้า แบ่งออกเป็น 11 หน่วยงาน

    1. สำนักงานเลขาธิการ มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ และการดำเนินการตามนโยบายของสภาสถาบันและเลขาธิการ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานในระดับองค์กร และสนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจของสถาบันอย่างบูรณาการ กำหนดนโยบายองค์กร วางแผนยุทธศาสตร์ จัดการบริหารความเสี่ยงและติดตามประเมินผลการดำเนินงานในทุกมิติ รับผิดชอบงานด้านกฎหมาย ธรรมาภิบาลองค์กร การจัดประชุมคณะกรรมการหลักชุดต่าง ๆ งานพิธีการสำคัญ งานวิเทศสัมพันธ์ งานห้องสมุดและสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงงานบริหารคุณภาพองค์กร ให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐยุคใหม่ รวมทั้ง เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรต่อสาธารณะ และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    2. วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดการศึกษาอบรมเพื่อสร้างสมรรถนะ และยกระดับภาวะผู้นำทางการเมืองและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กับสมาชิกรัฐสภา บุคลากรระดับสูงในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยมุ่งเน้นการจัดการศึกษาอบรม หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง ประกาศนียบัตร และหลักสูตรเฉพาะทางที่ทันสมัย สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคม การเมือง และเศรษฐกิจโลก รวมถึงการวิจัยเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์สังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับชาติและนานาชาติ และการเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาภาวะผู้นำของประเทศที่มีวิสัยทัศน์ จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    3. วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการเสริมสร้างสมรรถนะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นรากฐานที่เข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย โดยดำเนินการจัดการศึกษาอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้นำท้องถิ่น อันได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงภาคประชาสังคม ให้มีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ตามหลักธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้ง ดำเนินการวิจัยเพื่พัฒนาเครื่องมือและนวัตกรรมการกระจายอำนาจ การลดความเหลื่อมล้ำในมิติต่าง ๆ และการบริหารท้องถิ่นที่ตอบโจทย์ความท้าทายในยุคดิจิทัล ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือข้ามพื้นที่และระดับการปกครองเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนและเชื่อมโยงกับนโยบายสาธารณะในระดับประเทศ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการรางวัลพระปกเกล้า และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    4. สำนักวิจัยและพัฒนา มีหน้าที่และความรับผิดชอบด้านการพัฒนางานวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยโจทย์สำคัญของสังคมและผลลัพธ์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย สนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเปิดโอกาสให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างองค์ความรู้ นำเสนอและเผยแพร่ผลการวิจัยอย่างเป็นระบบ ให้บริการด้านวิชาการผ่านการวิจัยแก่หน่วยงานภายนอก พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยกับองค์กรในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    5. สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอย่างเป็นระบบ ผ่านการศึกษาอบรม สร้างเครือข่ายพลเมือง และสร้างสํานึกพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองเป็นกลไกขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ที่มุ่งเน้นการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ซึ่งช่วยปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคม การรู้เท่าทันทางการเมือง และความสามารถในการตรวจสอบ อํานาจรัฐอย่างสร้างสรรค์ และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    6. พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระปกเกล้าศึกษา อนุรักษ์ และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจและแนวคิดทางประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงประวัติศาสตร์การเมืองและการปกครองในระยะเปลี่ยนผ่าน มุ่งพัฒนาเนื้อหาและการจัดแสดงในรูปแบบที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม และสร้างประสบการณ์ที่เสมือนจริงเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ในยุคใหม่ รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ในระดับนานาชาติและรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    7. สำนักบริหารงานกลาง มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร โดยดูแล และสนับสนุนภารกิจของสถาบันในด้านการบริหารการเงิน การบัญชี การงบประมาณ และการพัสดุ อย่างเป็นระบบและโปร่งใส รวมถึงบริหารจัดการอาคารสถานที่ ยานพาหนะ และสภาพแวดล้อมให้มีความพร้อมและสอดคล้องกับมาตรฐานองค์กรสีเขียว (Green Office) และมาตรฐานความปลอดภัย สากล พัฒนาระบบการบริหารงานบุคลากรที่เน้นการลงทุนในมนุษย์ ส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะบุคลากร อย่างเป็นระบบ สร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ และการจัดการสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิต การทํางาน พร้อมทั้งสนับสนุนระบบการทํางานที่ยืดหยุ่น และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการทํางาน อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งดูแลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการให้บริการด้านโสตทัศนูปกรณ์ เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ของสถาบันสามารถดําเนินงานได้อย่างคล่องตัว ทันสมัย และเชื่อมโยงกัน อย่างเป็นระบบ และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    8. วิทยาลัยการนิติบัญญัติ มีสถานะเป็นหน่วยงานหลักทางการศึกษาด้านนิติบัญญัติของประเทศ มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการพัฒนาสมรรถนะด้านนิติบัญญัติของรัฐสภา โดยให้บริการวิชาการแก่ฝ่ายนิติบัญญัติที่ครอบคลุม ทั้งการวิจัย การวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมาย การจัดการศึกษาอบรมหลักสูตรเฉพาะด้านนิติบัญญัติ และการให้คําปรึกษาเชิงลึกเพื่อยกระดับขีดความสามารถของสมาชิกรัฐสภา คณะกรรมาธิการ ข้าราชการ ของรัฐสภา ตลอดจนบุคลากรในวงงานรัฐสภา การวิจัยเพื่อสร้างกระบวนการเลือกตั้งที่โปร่งใสและเป็นธรรม การต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการดําเนินการพัฒนากลไกสนับสนุนการใช้อํานาจนิติบัญญัติ อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสถาบันนิติบัญญัติในระดับสากล เพื่อยกระดับสมรรถนะของรัฐสภาไทยและสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันนิติบัญญัติอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    9. สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล มีหน้าที่และความรับผิดชอบด้านการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านการจัดการ ความขัดแย้ง สันติวิธี และธรรมาภิบาลในภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสังคม ผ่านการจัดการศึกษาอบรม วิจัย และพัฒนาแนวทางการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี รวมทั้งให้คําปรึกษาเชิงลึกในประเด็น ความขัดแย้งที่ซับซ้อน ความมั่นคง และภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ มีบทบาทสําคัญในการสร้างวัฒนธรรม สันติภาพในสังคมไทยและเป็นผู้นําทางวิชาการในระดับภูมิภาคด้านการสันติวิธีและธรรมาภิบาลและรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    10. สํานักฝึกอบรมและพัฒนาทุนมนุษย์ มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดการศึกษาอบรมและพัฒนา หลักสูตรที่ทันสมัยและตอบโจทย์โลกยุคใหม่ เพื่อสร้างศักยภาพของผู้เข้ารับการศึกษาอบรมให้เกิด การพัฒนาทุนมนุษย์ ทั้งในด้านภาวะผู้นํา การบริหารรัฐกิจ และการมีส่วนร่วมทางสังคม พร้อมทั้งพัฒนา กลไกการเรียนรู้ตลอดชีวิต ดําเนินการบริการด้านการฝึกอบรมแก่หน่วยงานภายนอกด้วยความเป็นเลิศ ทางวิชาการและการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
    11. สํานักนวัตกรรมประชาธิปไตยเพื่อความยั่งยืน มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการพัฒนาและผลักดันนวัตกรรมทางสังคม ผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตย เพื่อนําประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเชื่อมโยงหลักธรรมาภิบาล ความเป็นธรรมทางสังคม และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เข้ากับกลไกทางการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ การจัดการศึกษาอบรม และการจัดทําข้อเสนอเชิงนโยบาย ตลอดจนเป็นศูนย์บ่มเพาะแนวคิดด้านนวัตกรรมสมัยใหม่ ที่สามารถต่อยอดสู่การปฏิบัติจริงทั้งในและต่างประเทศ และรับผิดชอบงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า